นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า GIT ได้ประชุมร่วมกับจังหวัดจันทบุรี สมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี เทศบาลเมืองจันทบุรี สภาอุตสาหกรรมจันทบุรี หอการค้าจังหวัดจันทบุรี และหน่วยงานในจังหวัดจันทบุรี เพื่อติดตามความพร้อมการจัดงานเทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับจันทบุรี 2023 (International Chanthaburi Gems and Jewelry Festival 2023) ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 7-11 ธ.ค.2566 ณ ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี เคพี จิวเวลรี่เซ็นเตอร์ บริเวณ OTOP Lifestyle ตลาดพลอย ถนนศรีจันทร์ และซอยกระจ่าง
โดยการประชุมครั้งนี้ ทุกฝ่ายได้ยืนยันความพร้อมในการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ และเต็มรูปแบบ โดยล่าสุดจะมีคูหาจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าจากผู้ประกอการาวไทยและางาิกว่า 300 คูหา โดยผู้ชมงานจะได้พบกับผลิตภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับและสินค้าเกี่ยวข้องมากมาย ได้แก่ พลอยดิบ พลอยเจียระไน วัตถุดิบประกอบอัญมณี เครื่องประดับอัญมณี เครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมถึงบรรจุภัณฑ์และอุปกรณ์ ซึ่งครอบคลุมทุกส่วนในวงการอุตสาหกรรมอัญมณี
สำหรับกิจกรรมอื่นๆ ได้กำหนดจัดแสดงนิทรรศการความรู้ด้านอัญมณีและเครื่องประดับ การจัดงานสัมมนาเพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับด้านการตลาด การค้าออนไลน์ และการออกแบบ เพื่อพัฒนาต่อยอดศักยภาพของผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับไทย และมีกิจกรรมพิเศษ Gems Tour การท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้ด้านอัญมณี โดยมีความพิเศษ คือ ระยะเวลาของการจัดงาน จะเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่และคริสมาสต์ ซึ่งการจัดงาน ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นการซื้อขายอัญมณีและเครื่องประดับ แต่ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดจันทบุรีให้คึกคักด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของ GIT เตรียมเปิดให้บริการห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ตรวจสอบอัญมณีและเครื่องประดับเคลื่อนที่เพื่อให้บริการตรวจสอบและออกใบรับรองคุณภาพอัญมณีและเครื่องประดับ ภายใต้โครงการซื้อด้วยความมั่นใจ (Buy With Confidence) ผ่านใบรับรองจาก GIT โดยผู้เชี่ยวชาญ
ส่วนผลการจัดงานในปี 2565 สามารถสร้างเงินสะพัดภายในจังหวัดจันทบุรี จากการช้อป ชิม ใช้ และเลือกซื้ออัญมณีและเครื่องประดับ เป็นจำนวนเงินกว่า 200 ล้านบาท มีผู้เข้าร่วมชมงานทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมกว่า 12,000 ราย
แหล่งข่าวอ้างอิง : https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4151865
